บทที่ 2 ตอนที่ 2
เสียงกระด้างของผู้ชายที่ยืนนิ่งอยู่ที่ริมหน้าต่างหยุดความคิดทุกอย่างของเซอร์เกลงในทันที คนสนิทวัยเฉียดห้าสิบก้มหน้ารับคำสั่ง
“ครับนายน้อย”
เซอร์เกรับคำสั่ง ก่อนจะรีบกดโทรศัพท์มือถือหาหลานชายของตัวเองที่คอร์เนลใจดีรับเข้ามาทำงานด้วยอย่างรีบร้อน
“อีวานเหรอ รีบเอาประวัติของนายยอดชายที่กรอกไว้ตอนที่มาสมัครงานขึ้นมาให้นายน้อยที่ห้องทำงานด่วนที่สุด”
และเพียงไม่ถึงอึดใจเสียงประตูหน้าห้องก็ถูกเคาะเบาๆ ก่อนที่อีวานจะเปิดเข้ามาเมื่อเจ้าของห้องเอ่ยปากอนุญาต
“ประวัติของนายยอดชายครับ”
อีวานส่งแฟ้มเอกสารสีเขียวให้กับน้าชายตัวเองก่อนจะก้มศีรษะให้กับคอร์เนลและก้าวถอยหลังออกไปจากห้องอย่างรู้หน้าที่
เซอร์เกรีบส่งแฟ้มเอกสารให้กับนายน้อยของตัวเองทันที
“สิ่งที่นายน้อยต้องการมาแล้วครับ”
คอร์เนลหันกลับมา แสงแดดยามสายที่ส่องเข้ามากระทบด้านหลังนั้นทำให้หนุ่มหล่อยิ่งดูลึกลับและน่ากลัวมากขึ้นเป็นสองเท่า มือใหญ่สีแทนยื่นมารับแฟ้มเอกสารจากคนสนิทไปเปิดอ่านทันที นัยน์ตาสีเขียวดุจมรกตเลื่อนไปตามตัวอักษรทีละตัว อ่านอย่างละเอียดทุกคำ
ยอดชาย โรจน์มหามงคล อายุ 52 ปี สถานภาพหม้ายเมียตาย มีลูกสาว 1 คน อายุ 20 ปี ชื่อยาหยี โรจน์มหามงคล การศึกษาอยู่ปี 3 มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเมืองไทย เคยทำงานอยู่กับตระกูลเซอร์คอฟแต่ถูกไล่ออกมาเพราะเกิดเหตุทะเลาะวิวาท
‘และเขาก็โง่พอที่จะรับไอ้สารเลวคนนี้เข้ามาทำงาน’
คอร์เนลก่นด่าตัวเองภายในใจด้วยความเจ็บแค้น ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนฉลาดอย่างเขาจะถูกลูบคมโดยไอ้โจรกระจอกไร้การศึกษาคนนี้ ให้ตายเถอะ เขาอยากจะหักคอไอ้ยอดชายนัก!
แฟ้มเอกสารถูกปิดลงก่อนจะถูกโยนลงไปกองกับพื้นพรมอย่างรุนแรง กรามแกร่งสีเขียวครึ้มของคอร์เนลบดกันแทบละเอียด ดวงตาสีเขียวดุจมรกตเรืองวาวด้วยแรงโทสะ
“ฉันต้องการไปเมืองไทย เร็วที่สุด!”
“ไปเมืองไทยหรือครับนายน้อย” เซอร์เกร้องถามด้วยความตกใจ ไม่อยากให้สิ่งที่ตัวเองคิดเป็นจริงขึ้นมาเลย
“นายน้อยคงไม่ได้คิดจะ...”
“ไม่ต้องถามว่าฉันจะไปทำไม นายไปจัดการเตรียมเครื่องบินส่วนตัวให้ฉันก็แล้วกัน ฉันต้องการไปกรุงเทพฯ เดี๋ยวนี้”
คอร์เนลคำรามออกมาเสียงดุดัน ใบหน้าหล่อเหลาดุจเทพบุตรแดงก่ำด้วยแรงโทสะ ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา เขาก็จะต้องหาไอ้ระยำนั่นให้พบ และจัดการฝังมันทั้งเป็นด้วยมือของเขาเอง
“ครับนายน้อย”
เซอร์เกไม่มีทางเลือกที่จะไม่ทำตามคำสั่งของคอร์เนล เขาถอยออกไปจากห้องทำงานของนายน้อยอย่างรวดเร็วโดยไม่คิดจะรอให้เจ้าของห้องไล่ซ้ำอีกครั้ง แม้ทุกย่างก้าวจะอัดแน่นไปด้วยความวิตกกังวลกับวิธีที่นายน้อยของตัวเองกำลังจะงัดขึ้นมาใช้เพื่อบีบบังคับนายยอดชายให้ยอมจำนนมากแค่ไหนก็ตาม แต่ข้ารับใช้แบบเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยทักท้วงใดๆ นอกจากก้มหน้าทำตามคำสั่งของผู้มีบุญคุณท่วมหัวเพียงอย่างเดียว
ประตูไม้แกะสลักถูกปิดลงเบาๆ พร้อมๆ กับร่างสูงใหญ่ของคอร์เนลที่เดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้สีดำหนังแท้ราคาแพงระยับหลังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ในเมื่อแกใช้วิธีสกปรกกับฉัน...”
คำพูดที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยได้รูปน่าจูบของคอร์เนลนั้นอัดแน่นไปด้วยความเดือดดาล
“ฉันก็จะไม่ใช้วิธีสะอาดกับแกเหมือนกัน”
นัยน์ตาสีเขียวดุจมรกตของนักธุรกิจที่ได้ขึ้นชื่อว่าทรงอิทธิพลที่สุดในมอสโกอัดแน่นไปด้วยความเหี้ยมโหด และแน่นอนว่าเขาจะไม่มีทางปล่อยให้ศัตรูของตัวเองลอยนวลอย่างมีความสุขได้นานเกินเจ็ดวันอย่างแน่นอน
ร่างอรชรที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาของยาหยีกระโดดเข้ากอดบิดาของตัวเองที่ไม่ได้เห็นหน้าเห็นตากันนานเกือบสองปีด้วยความคิดถึงจับใจ
“พ่อจริงๆ ด้วย ลูกหยีคิดถึงคุณพ่อเหลือเกิน”
สาวน้อยหอมแก้มซ้ายหอมแก้มขวาของบิดาด้วยความคิดถึงจับใจ กอดร่างของชายที่เรียกว่าพ่อแน่น น้ำหูน้ำตาแห่งความดีใจไหลพรากออกมา
“พ่อ...ลูกหยีคิดถึงพ่อเหลือเกิน”
ยอดชายปล่อยให้ลูกสาวกอดหอมตัวเองจนหนำใจแล้ว จึงดันร่างอรชรของบุตรสาวออกห่าง จ้องมองใบหน้าสวยหวานที่ไม่ผิดเพี้ยนไปจากภรรยาที่เสียไปแล้วเลยแม้แต่นิดเดียวด้วยความรักใคร่
“พ่อคิดถึงลูกหยีนะ คิดถึงมาก”
ยาหยียิ้มกว้าง ดึงร่างของบิดาให้ตามตัวเองมานั่งบนโซฟาตัวกะทัดรัดริมห้องเช่าขนาดเล็กของตัวเอง จากนั้นก็รีบวิ่งไปรินน้ำเย็นใส่แก้วมาให้บิดา
“น้ำค่ะพ่อ”
“ขอบใจจ้ะลูกหยี”
ยอดชายรับน้ำขึ้นมาดื่ม ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงท่าทางมีความสุขออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว จนลูกสาวต้องเอ่ยถามด้วยความแปลกใจกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของบิดา
“พ่อทำท่าเหมือนกำลังหนีใครอยู่”
“ปละ...เปล่านี่ ลูกหยีคิดมากไปหรือเปล่า”
ผู้เป็นบิดาปฏิเสธเสียงมีพิรุธ และนั่นก็ยิ่งทำให้ยาหยีสงสัยมากขึ้นไปอีก สาวน้อยทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ร่างของยอดชาย
“แต่พ่อมองออกไปทางประตูตลอดเวลาเลยนะคะ แล้วพ่อก็ทำหน้าเครียด มีอะไรให้ลูกหยีช่วยหรือเปล่าคะพ่อ บอกลูกหยีได้นะคะ”
ยาหยีวางมือของตัวเองลงบนมือของบิดา แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือของบิดานั้นเย็นเฉียบราวกับพึ่งไปจับน้ำแข็งมา
“ทำไมมือพ่อเย็นนักล่ะคะ”
ยอดชายรีบดึงมือของตัวเองออกจากมือนุ่มของบุตรสาว แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“เงินที่พ่อส่งมาให้พอกับค่าใช้จ่ายของลูกหยีหรือเปล่า เอ่อ...แล้วเมื่อวันก่อนพ่อก็โอนเงินเข้าบัญชีให้ลูกหยีอีกก้อนหนึ่ง ไปอัพสมุดดูหรือยัง”
ยาหยีจ้องหน้าบิดาเขม็ง
“ลูกหยีว่าจะโทรไปถามพ่ออยู่พอดี เงินตั้งสิบล้านบาทที่พ่อโอนมาให้ลูกหยีเมื่อวันก่อน พ่อไปเอามันมาจากที่ไหนคะ”
